เผชิญหน้ากับครอเนียส
หลังจากการฝึกฝนที่หอเวทมนตร์ เดฟก็พร้อมสำหรับการเผชิญหน้ากับครอเนียส เขารู้ดีว่าครั้งนี้จะเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบาก เพราะครอเนียสไม่ได้เป็นเพียงผู้ควบคุมกองทัพมืดที่แข็งแกร่ง แต่เขายังมีแผนการที่ซับซ้อนที่เดฟยังไม่เข้าใจ
อาริสและคาลาดอนเตรียมตัวเพื่อสนับสนุนเดฟในภารกิจนี้ “ครอเนียสซ่อนตัวอยู่ในปราสาทร้างทางเหนือ เขาควบคุมมิติเวลาในพื้นที่นั้น ดังนั้นการต่อสู้ครั้งนี้จะไม่ได้เป็นแค่เรื่องของพละกำลังอย่างเดียว แต่ยังเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของจิตใจด้วย” คาลาดอนเตือนด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
เดฟพยักหน้า แม้จะรู้สึกกลัว แต่เขาก็ไม่ยอมให้ความหวาดหวั่นทำลายความมุ่งมั่นของเขา “ฉันพร้อมแล้ว” เขากล่าว
การเดินทางไปยังปราสาทของครอเนียสเป็นไปอย่างลำบาก พื้นที่รอบๆ ถูกปกคลุมด้วยความมืดและหมอกหนาทึบ อาริสและเดฟเดินข้างกัน ขณะที่คาลาดอนเป็นผู้นำทางด้วยเวทมนตร์ที่ใช้ส่องแสงนำทาง
“หมอกนี้ไม่ได้เป็นเพียงหมอกธรรมดา” อาริสกระซิบ “มันเต็มไปด้วยอาคมที่ครอเนียสสร้างขึ้นเพื่อทำให้จิตใจของเราสับสน”
เดฟพยักหน้า เขารู้สึกถึงพลังบางอย่างที่คอยบั่นทอนความคิดของเขา แต่เขาก็ใช้สมาธิที่ฝึกฝนมาหยุดมันไม่ให้เข้าครอบงำ
เมื่อทั้งสามคนมาถึงปราสาทร้าง พวกเขาพบว่ามันถูกปกคลุมไปด้วยเงามืด ราวกับว่ามันถูกตัดขาดจากโลกใบนี้โดยสิ้นเชิง ประตูปราสาทขนาดใหญ่ปิดอยู่ แต่คาลาดอนใช้เวทมนตร์เปิดประตูออกมาได้อย่างง่ายดาย
ภายในปราสาทนั้นเต็มไปด้วยบรรยากาศที่น่าขนลุก แสงไฟจากคบเพลิงที่หรี่ลงเรื่อยๆ ทำให้เงาของกำแพงและรูปปั้นขนาดยักษ์ดูเหมือนจะมีชีวิต เดฟและอาริสเตรียมอาวุธพร้อมเผชิญหน้ากับสิ่งที่รอพวกเขาอยู่
ทันใดนั้น เสียงหัวเราะเบาๆ แต่แฝงไปด้วยความเย้ยหยันก็ดังขึ้นจากทางด้านหลังของห้องโถงใหญ่ เสียงนั้นทำให้เดฟรู้ทันทีว่าใครเป็นผู้ที่เฝ้ามองพวกเขา
“ข้ารอเจ้าอยู่นานแล้ว เดฟ” เสียงของครอเนียสดังขึ้นจากความมืด รูปร่างของเขาค่อยๆ ปรากฏขึ้นจากเงามืด ดวงตาสีแดงของเขาส่องแสงเรืองรองขณะที่เขามองตรงมาที่เดฟ
ครอเนียสสวมชุดคลุมดำสนิทที่คลุมร่างกายตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เขาดูสงบเยือกเย็น แต่พลังอันยิ่งใหญ่ที่ปกคลุมรอบตัวเขากลับแสดงถึงอำนาจที่ทำให้ทุกคนต้องหวั่นเกรง
“เจ้าคือคนที่ข้าดึงมาจากอีกโลกหนึ่ง...เพื่อเป็นผู้ครอบครองพลังแห่งจินตนาการแทนข้า” ครอเนียสกล่าวพร้อมกับก้าวออกมาจากเงามืด “แต่ดูเหมือนเจ้ายังไม่พร้อมที่จะใช้มันอย่างสมบูรณ์”
เดฟกำหมัดแน่น เขาพยายามที่จะไม่ถูกยั่วยุ “ถ้านายคิดว่าฉันจะยอมแพ้เพราะคำพูดนั้น นายคิดผิดแล้ว!”
การต่อสู้เริ่มต้นอย่างรุนแรง ครอเนียสใช้เวทมนตร์ของเขาเพื่อสร้างภาพลวงตาและกับดักจิตใจรอบๆ เดฟ เงามืดที่สร้างขึ้นจากเวทมนตร์ของครอเนียสพุ่งเข้าใส่เดฟในทุกทิศทาง ขณะที่อาริสต่อสู้กับเหล่าสมุนที่ถูกเสกขึ้นมาอย่างไม่รู้จบ
เดฟพยายามที่จะใช้พลังแห่งจินตนาการของเขาตอบโต้ แต่เขาพบว่าพลังของเขาถูกครอเนียสควบคุมและบิดเบือน จิตใจของเขาถูกลากเข้าสู่ภาพลวงตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความกลัว เขาเห็นภาพพวกพ้องที่ตายไปแล้ว เพื่อนที่ล้มลงในการต่อสู้ และความสูญเสียที่เขาพยายามจะลืม
“เจ้าคิดว่าพลังนี้จะช่วยปกป้องทุกคนได้หรือ?” ครอเนียสกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “มันเป็นเพียงภาพลวงตา...ไม่มีใครสามารถควบคุมจินตนาการได้อย่างแท้จริง”
เดฟรู้สึกว่าจิตใจของเขากำลังจมลงในความมืด ความสงสัยในตัวเองทำให้เขารู้สึกอ่อนแอ แต่ทันใดนั้น เขาได้ยินเสียงของอาริสที่เรียกชื่อเขา “เดฟ! เจ้าสามารถทำได้! อย่ายอมแพ้!”
เสียงของอาริสทำให้เดฟได้สติ เขารู้ว่าสิ่งที่ครอเนียสพยายามทำคือการทำให้เขาสูญเสียความมั่นใจในตัวเอง
“ฉันจะไม่ยอมให้พลังนี้ทำลายฉัน” เดฟตะโกนพร้อมกับยกมือขึ้น พลังแห่งจินตนาการของเขาถูกปลดปล่อยออกมาอีกครั้ง คราวนี้มันไม่ใช่เพียงแค่การสร้างสิ่งที่เขาคิด แต่เป็นการสร้างจากความหวังและความเชื่อมั่น
แสงสีทองส่องสว่างขึ้นทั่วห้องโถง ภาพลวงตาที่ครอเนียสสร้างไว้เริ่มพังทลาย เงามืดที่ปกคลุมจิตใจของเดฟถูกขับไล่ออกไป พลังแห่งจินตนาการของเดฟเริ่มควบคุมได้อย่างแท้จริง
ครอเนียสเบิกตากว้างเมื่อเห็นพลังของเดฟที่เติบโตขึ้น “เป็นไปได้ยังไง…” เขาพึมพำ ก่อนที่เดฟจะโจมตีด้วยคลื่นพลังที่มหาศาลจนทำให้ครอเนียสถูกผลักถอยหลัง
แต่แม้ว่าครอเนียสจะถูกบังคับให้ล่าถอย เขาก็ยังไม่ยอมแพ้ “เจ้าคิดว่าพลังนี้จะทำให้เจ้าชนะข้าได้หรือ? นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เดฟ...และข้าจะกลับมา”
ครอเนียสหายตัวไปในเงามืด ทิ้งปราสาทร้างที่พังทลายไว้เบื้องหลัง
หลังจากการต่อสู้ เดฟยืนหอบหายใจ ขณะที่อาริสเข้ามาประคองเขา “เจ้าทำได้ดีมาก” เธอกล่าวด้วยรอยยิ้มเล็กๆ
“แต่นี่เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น” เดฟตอบ “ครอเนียสยังไม่ถูกกำจัด และเขาจะกลับมาอีก”
คาลาดอนเข้ามาหาเดฟพร้อมกับวางมือบนไหล่ของเขา “เจ้าได้ก้าวข้ามความกลัวในจิตใจของเจ้าเอง นั่นคือก้าวแรกที่สำคัญที่สุด จงใช้พลังนี้อย่างมีสติและระมัดระวัง เพราะพลังแห่งจินตนาการนี้อาจกลายเป็นดาบสองคมได้”
เดฟพยักหน้า “ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะไม่ยอมให้มันควบคุมฉัน”
แม้ว่าครอเนียสจะหายไป แต่เดฟรู้ว่าการต่อสู้ครั้งใหญ่ยังรออยู่ข้างหน้า และเขาจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้
อาริสและคาลาดอนเตรียมตัวเพื่อสนับสนุนเดฟในภารกิจนี้ “ครอเนียสซ่อนตัวอยู่ในปราสาทร้างทางเหนือ เขาควบคุมมิติเวลาในพื้นที่นั้น ดังนั้นการต่อสู้ครั้งนี้จะไม่ได้เป็นแค่เรื่องของพละกำลังอย่างเดียว แต่ยังเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของจิตใจด้วย” คาลาดอนเตือนด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
เดฟพยักหน้า แม้จะรู้สึกกลัว แต่เขาก็ไม่ยอมให้ความหวาดหวั่นทำลายความมุ่งมั่นของเขา “ฉันพร้อมแล้ว” เขากล่าว
การเดินทางไปยังปราสาทของครอเนียสเป็นไปอย่างลำบาก พื้นที่รอบๆ ถูกปกคลุมด้วยความมืดและหมอกหนาทึบ อาริสและเดฟเดินข้างกัน ขณะที่คาลาดอนเป็นผู้นำทางด้วยเวทมนตร์ที่ใช้ส่องแสงนำทาง
“หมอกนี้ไม่ได้เป็นเพียงหมอกธรรมดา” อาริสกระซิบ “มันเต็มไปด้วยอาคมที่ครอเนียสสร้างขึ้นเพื่อทำให้จิตใจของเราสับสน”
เดฟพยักหน้า เขารู้สึกถึงพลังบางอย่างที่คอยบั่นทอนความคิดของเขา แต่เขาก็ใช้สมาธิที่ฝึกฝนมาหยุดมันไม่ให้เข้าครอบงำ
เมื่อทั้งสามคนมาถึงปราสาทร้าง พวกเขาพบว่ามันถูกปกคลุมไปด้วยเงามืด ราวกับว่ามันถูกตัดขาดจากโลกใบนี้โดยสิ้นเชิง ประตูปราสาทขนาดใหญ่ปิดอยู่ แต่คาลาดอนใช้เวทมนตร์เปิดประตูออกมาได้อย่างง่ายดาย
ภายในปราสาทนั้นเต็มไปด้วยบรรยากาศที่น่าขนลุก แสงไฟจากคบเพลิงที่หรี่ลงเรื่อยๆ ทำให้เงาของกำแพงและรูปปั้นขนาดยักษ์ดูเหมือนจะมีชีวิต เดฟและอาริสเตรียมอาวุธพร้อมเผชิญหน้ากับสิ่งที่รอพวกเขาอยู่
ทันใดนั้น เสียงหัวเราะเบาๆ แต่แฝงไปด้วยความเย้ยหยันก็ดังขึ้นจากทางด้านหลังของห้องโถงใหญ่ เสียงนั้นทำให้เดฟรู้ทันทีว่าใครเป็นผู้ที่เฝ้ามองพวกเขา
“ข้ารอเจ้าอยู่นานแล้ว เดฟ” เสียงของครอเนียสดังขึ้นจากความมืด รูปร่างของเขาค่อยๆ ปรากฏขึ้นจากเงามืด ดวงตาสีแดงของเขาส่องแสงเรืองรองขณะที่เขามองตรงมาที่เดฟ
ครอเนียสสวมชุดคลุมดำสนิทที่คลุมร่างกายตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เขาดูสงบเยือกเย็น แต่พลังอันยิ่งใหญ่ที่ปกคลุมรอบตัวเขากลับแสดงถึงอำนาจที่ทำให้ทุกคนต้องหวั่นเกรง
“เจ้าคือคนที่ข้าดึงมาจากอีกโลกหนึ่ง...เพื่อเป็นผู้ครอบครองพลังแห่งจินตนาการแทนข้า” ครอเนียสกล่าวพร้อมกับก้าวออกมาจากเงามืด “แต่ดูเหมือนเจ้ายังไม่พร้อมที่จะใช้มันอย่างสมบูรณ์”
เดฟกำหมัดแน่น เขาพยายามที่จะไม่ถูกยั่วยุ “ถ้านายคิดว่าฉันจะยอมแพ้เพราะคำพูดนั้น นายคิดผิดแล้ว!”
การต่อสู้เริ่มต้นอย่างรุนแรง ครอเนียสใช้เวทมนตร์ของเขาเพื่อสร้างภาพลวงตาและกับดักจิตใจรอบๆ เดฟ เงามืดที่สร้างขึ้นจากเวทมนตร์ของครอเนียสพุ่งเข้าใส่เดฟในทุกทิศทาง ขณะที่อาริสต่อสู้กับเหล่าสมุนที่ถูกเสกขึ้นมาอย่างไม่รู้จบ
เดฟพยายามที่จะใช้พลังแห่งจินตนาการของเขาตอบโต้ แต่เขาพบว่าพลังของเขาถูกครอเนียสควบคุมและบิดเบือน จิตใจของเขาถูกลากเข้าสู่ภาพลวงตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความกลัว เขาเห็นภาพพวกพ้องที่ตายไปแล้ว เพื่อนที่ล้มลงในการต่อสู้ และความสูญเสียที่เขาพยายามจะลืม
“เจ้าคิดว่าพลังนี้จะช่วยปกป้องทุกคนได้หรือ?” ครอเนียสกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “มันเป็นเพียงภาพลวงตา...ไม่มีใครสามารถควบคุมจินตนาการได้อย่างแท้จริง”
เดฟรู้สึกว่าจิตใจของเขากำลังจมลงในความมืด ความสงสัยในตัวเองทำให้เขารู้สึกอ่อนแอ แต่ทันใดนั้น เขาได้ยินเสียงของอาริสที่เรียกชื่อเขา “เดฟ! เจ้าสามารถทำได้! อย่ายอมแพ้!”
เสียงของอาริสทำให้เดฟได้สติ เขารู้ว่าสิ่งที่ครอเนียสพยายามทำคือการทำให้เขาสูญเสียความมั่นใจในตัวเอง
“ฉันจะไม่ยอมให้พลังนี้ทำลายฉัน” เดฟตะโกนพร้อมกับยกมือขึ้น พลังแห่งจินตนาการของเขาถูกปลดปล่อยออกมาอีกครั้ง คราวนี้มันไม่ใช่เพียงแค่การสร้างสิ่งที่เขาคิด แต่เป็นการสร้างจากความหวังและความเชื่อมั่น
แสงสีทองส่องสว่างขึ้นทั่วห้องโถง ภาพลวงตาที่ครอเนียสสร้างไว้เริ่มพังทลาย เงามืดที่ปกคลุมจิตใจของเดฟถูกขับไล่ออกไป พลังแห่งจินตนาการของเดฟเริ่มควบคุมได้อย่างแท้จริง
ครอเนียสเบิกตากว้างเมื่อเห็นพลังของเดฟที่เติบโตขึ้น “เป็นไปได้ยังไง…” เขาพึมพำ ก่อนที่เดฟจะโจมตีด้วยคลื่นพลังที่มหาศาลจนทำให้ครอเนียสถูกผลักถอยหลัง
แต่แม้ว่าครอเนียสจะถูกบังคับให้ล่าถอย เขาก็ยังไม่ยอมแพ้ “เจ้าคิดว่าพลังนี้จะทำให้เจ้าชนะข้าได้หรือ? นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เดฟ...และข้าจะกลับมา”
ครอเนียสหายตัวไปในเงามืด ทิ้งปราสาทร้างที่พังทลายไว้เบื้องหลัง
หลังจากการต่อสู้ เดฟยืนหอบหายใจ ขณะที่อาริสเข้ามาประคองเขา “เจ้าทำได้ดีมาก” เธอกล่าวด้วยรอยยิ้มเล็กๆ
“แต่นี่เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น” เดฟตอบ “ครอเนียสยังไม่ถูกกำจัด และเขาจะกลับมาอีก”
คาลาดอนเข้ามาหาเดฟพร้อมกับวางมือบนไหล่ของเขา “เจ้าได้ก้าวข้ามความกลัวในจิตใจของเจ้าเอง นั่นคือก้าวแรกที่สำคัญที่สุด จงใช้พลังนี้อย่างมีสติและระมัดระวัง เพราะพลังแห่งจินตนาการนี้อาจกลายเป็นดาบสองคมได้”
เดฟพยักหน้า “ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะไม่ยอมให้มันควบคุมฉัน”
แม้ว่าครอเนียสจะหายไป แต่เดฟรู้ว่าการต่อสู้ครั้งใหญ่ยังรออยู่ข้างหน้า และเขาจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้