การฝึกฝนและความจริงที่ถูกเปิดเผย
หลังจากศึกครั้งแรกในลูมิเนียร์ผ่านไป เมืองกลับมาสงบอีกครั้ง ผู้คนต่างพยายามกอบกู้ความเสียหายจากการโจมตีของกองทัพครอเนียส เดฟรู้สึกถึงภาระหนักอึ้งที่กำลังรออยู่ เขาเพิ่งค้นพบพลังอันยิ่งใหญ่ของตัวเอง แต่เขายังไม่เข้าใจวิธีใช้มันอย่างเต็มที่ และการควบคุมพลังนั้นก็เป็นสิ่งที่เขายังไม่สามารถทำได้ดีพอ
อาริสและคาลาดอนตัดสินใจว่าต้องพาเดฟไปยังสถานที่ลับเพื่อฝึกฝน และเพื่อค้นหาคำตอบเกี่ยวกับพลังแห่งจินตนาการที่เขาได้รับ
เดฟเดินตามอาริสและคาลาดอนไปยังห้องลับใต้ดินในหอเวทมนตร์ สถานที่แห่งนี้เป็นห้องเก็บคัมภีร์และสมบัติเวทมนตร์ที่ถูกซ่อนจากสายตาของคนทั่วไป ผนังห้องตกแต่งด้วยสัญลักษณ์เวทมนตร์โบราณ และบรรยากาศเย็นเยือกทำให้เดฟรู้สึกได้ถึงความเก่าแก่และทรงพลังของสถานที่นี้
คาลาดอนหยิบหนังสือเก่าเล่มหนึ่งออกมาจากชั้นวาง มันถูกปกคลุมด้วยฝุ่นและหน้าหนังสือซีดจาง แต่พลังที่ซ่อนอยู่ในนั้นชัดเจนเกินจะมองข้าม
"นี่คือคัมภีร์แห่งจินตนาการ" คาลาดอนพูดเบาๆ "มันคือบันทึกของผู้ที่เคยใช้พลังนี้มาก่อน แต่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถควบคุมมันได้"
เดฟหยิบหนังสือขึ้นมาและพลิกดูหน้าต่างๆ เขาพบกับบันทึกและภาพวาดที่แสดงถึงพลังที่เขาเพิ่งค้นพบ มีภาพของบุคคลที่สร้างสรรค์โลกทั้งใบด้วยความคิดและพลังของพวกเขา แต่ก็มีภาพของการทำลายล้างอันน่าหวาดกลัวเมื่อพลังนั้นหลุดจากการควบคุม
"พลังแห่งจินตนาการนี้ไม่เพียงแค่สร้างสรรค์ แต่มันยังสามารถทำลายทุกสิ่งได้ด้วย" คาลาดอนกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด "หากเจ้าต้องการใช้มันเพื่อปกป้องสิ่งที่เจ้ารัก เจ้าจะต้องเรียนรู้วิธีควบคุมมัน มิฉะนั้นมันจะกลายเป็นภัยที่ร้ายแรงยิ่งกว่า"
เดฟกลืนน้ำลาย รู้สึกถึงความกดดันที่เพิ่มขึ้น "ฉันต้องทำยังไงถึงจะควบคุมมันได้?"
"ขั้นแรก เจ้าต้องฝึกสมาธิและเชื่อมต่อกับพลังภายในของเจ้าอย่างลึกซึ้ง" คาลาดอนตอบ "พลังนี้ถูกเชื่อมโยงกับจิตใจของเจ้า ยิ่งเจ้ามีความมุ่งมั่นและจินตนาการมากเท่าไร พลังนั้นจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น แต่เจ้าต้องระวัง เพราะความคิดด้านลบหรือความแค้นก็สามารถทำให้พลังนั้นกลายเป็นสิ่งที่ทำลายทุกสิ่งได้เช่นกัน"
การฝึกฝนของเดฟเริ่มต้นขึ้นในทันที เขาต้องเรียนรู้ที่จะใช้สมาธิเพื่อควบคุมพลังแห่งจินตนาการ อาริสและคาลาดอนช่วยแนะนำเขาเกี่ยวกับวิธีการที่ถูกต้อง
ในวันแรกของการฝึกฝน เดฟรู้สึกถึงพลังที่ไหลเวียนในตัวเขาเหมือนคลื่นน้ำที่ไม่สิ้นสุด เขานั่งสมาธิภายใต้สัญลักษณ์เวทมนตร์ที่ส่องแสงบนผนัง และเริ่มสร้างภาพในจินตนาการ เขามองเห็นตัวเองอยู่ท่ามกลางสนามรบและใช้พลังเพื่อสร้างกำแพงป้องกันทุกคนรอบข้าง แต่ทุกครั้งที่เขาพยายามควบคุม พลังนั้นกลับไม่เชื่อฟัง
"ใจของเจ้ายังไม่นิ่งพอ" คาลาดอนกล่าว "ความกลัวและความไม่มั่นใจยังคงกักขังเจ้าอยู่ หากเจ้าต้องการใช้พลังนี้ เจ้าต้องสลัดสิ่งเหล่านั้นออกไป"
เดฟหายใจเข้าลึกและพยายามที่จะนิ่งขึ้น แต่ความทรงจำที่ผ่านมาของเขา ความสูญเสีย การต่อสู้ และความกลัวว่าจะล้มเหลวกลับทำให้จิตใจของเขาสั่นคลอน
คืนหนึ่งในระหว่างการฝึก เดฟฝันถึงบ้าน โลกที่เขาเคยอยู่และครอบครัวที่เขาคิดถึง เขามองเห็นตัวเองในความมืด ท่ามกลางความโดดเดี่ยวที่ไม่รู้จบ ภาพในฝันค่อยๆ เปลี่ยนไปเป็นใบหน้าของครอเนียส ผู้ที่เฝ้ามองเขาด้วยสายตาเย้ยหยัน
"เจ้าอ่อนแอเกินไปที่จะใช้พลังนั้น" เสียงของครอเนียสดังขึ้นในความมืด "ข้าจะเป็นคนที่ควบคุมพลังนั้นเอง และเมื่อถึงตอนนั้น เจ้าจะต้องเสียใจที่ข้ามพ้นเจ้ามา"
เดฟสะดุ้งตื่นขึ้นจากฝันร้าย ร่างกายเต็มไปด้วยเหงื่อ ความกลัวและความไม่มั่นใจยังคงหลอกหลอนเขา แต่เขารู้ว่าเขาไม่สามารถปล่อยให้มันควบคุมเขาได้อีกต่อไป
"ฉันจะไม่ยอมให้ความกลัวนี้ทำลายฉัน" เดฟพูดกับตัวเอง เขาตัดสินใจที่จะเผชิญหน้ากับทุกอย่างและสู้เพื่อความฝันและสิ่งที่เขาต้องการจะปกป้อง
การฝึกฝนของเดฟดำเนินต่อไปหลายวัน ในที่สุดเดฟก็เริ่มเข้าใจวิธีควบคุมพลังภายในของเขา เขาเริ่มเชื่อมโยงกับพลังแห่งจินตนาการมากขึ้น สามารถสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ได้ตามที่เขาคิด แม้จะเป็นเพียงขั้นต้น แต่ความก้าวหน้าในฝึกฝนนี้ทำให้เขามีความมั่นใจมากขึ้น
ในวันสุดท้ายของการฝึก คาลาดอนบอกกับเดฟว่า “การต่อสู้ที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่การควบคุมพลังเท่านั้น แต่เป็นการควบคุมจิตใจของเจ้าเอง หากเจ้าสามารถเข้าใจจิตใจของเจ้าอย่างแท้จริง เจ้าก็จะสามารถใช้พลังนั้นเพื่อเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งได้”
ขณะที่เดฟกำลังจะออกจากหอเวทมนตร์เพื่อเผชิญหน้ากับครอเนียสอีกครั้ง คาลาดอนก็มอบบางอย่างให้เขา เป็นคริสตัลสีฟ้าสว่างซึ่งส่องประกายเรืองรองในมือของเดฟ
“นี่คือคริสตัลแห่งจินตนาการ มันจะช่วยเสริมพลังของเจ้าและปกป้องเจ้าจากเวทมนตร์ของศัตรู แต่เจ้าต้องใช้มันอย่างระมัดระวัง” คาลาดอนกล่าว
เดฟรับคริสตัลนั้นมาด้วยความขอบคุณ “ขอบคุณครับท่านคาลาดอน ฉันจะใช้มันเพื่อปกป้องโลกนี้และทุกคนที่ฉันรัก”
เดฟพร้อมแล้วสำหรับการเผชิญหน้ากับศัตรูที่แท้จริง ครอเนียส ซึ่งรอเขาอยู่เบื้องหลังด้วยแผนการลึกลับและอันตรายที่มากกว่าที่เขาคาดคิด
อาริสและคาลาดอนตัดสินใจว่าต้องพาเดฟไปยังสถานที่ลับเพื่อฝึกฝน และเพื่อค้นหาคำตอบเกี่ยวกับพลังแห่งจินตนาการที่เขาได้รับ
เดฟเดินตามอาริสและคาลาดอนไปยังห้องลับใต้ดินในหอเวทมนตร์ สถานที่แห่งนี้เป็นห้องเก็บคัมภีร์และสมบัติเวทมนตร์ที่ถูกซ่อนจากสายตาของคนทั่วไป ผนังห้องตกแต่งด้วยสัญลักษณ์เวทมนตร์โบราณ และบรรยากาศเย็นเยือกทำให้เดฟรู้สึกได้ถึงความเก่าแก่และทรงพลังของสถานที่นี้
คาลาดอนหยิบหนังสือเก่าเล่มหนึ่งออกมาจากชั้นวาง มันถูกปกคลุมด้วยฝุ่นและหน้าหนังสือซีดจาง แต่พลังที่ซ่อนอยู่ในนั้นชัดเจนเกินจะมองข้าม
"นี่คือคัมภีร์แห่งจินตนาการ" คาลาดอนพูดเบาๆ "มันคือบันทึกของผู้ที่เคยใช้พลังนี้มาก่อน แต่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถควบคุมมันได้"
เดฟหยิบหนังสือขึ้นมาและพลิกดูหน้าต่างๆ เขาพบกับบันทึกและภาพวาดที่แสดงถึงพลังที่เขาเพิ่งค้นพบ มีภาพของบุคคลที่สร้างสรรค์โลกทั้งใบด้วยความคิดและพลังของพวกเขา แต่ก็มีภาพของการทำลายล้างอันน่าหวาดกลัวเมื่อพลังนั้นหลุดจากการควบคุม
"พลังแห่งจินตนาการนี้ไม่เพียงแค่สร้างสรรค์ แต่มันยังสามารถทำลายทุกสิ่งได้ด้วย" คาลาดอนกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด "หากเจ้าต้องการใช้มันเพื่อปกป้องสิ่งที่เจ้ารัก เจ้าจะต้องเรียนรู้วิธีควบคุมมัน มิฉะนั้นมันจะกลายเป็นภัยที่ร้ายแรงยิ่งกว่า"
เดฟกลืนน้ำลาย รู้สึกถึงความกดดันที่เพิ่มขึ้น "ฉันต้องทำยังไงถึงจะควบคุมมันได้?"
"ขั้นแรก เจ้าต้องฝึกสมาธิและเชื่อมต่อกับพลังภายในของเจ้าอย่างลึกซึ้ง" คาลาดอนตอบ "พลังนี้ถูกเชื่อมโยงกับจิตใจของเจ้า ยิ่งเจ้ามีความมุ่งมั่นและจินตนาการมากเท่าไร พลังนั้นจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น แต่เจ้าต้องระวัง เพราะความคิดด้านลบหรือความแค้นก็สามารถทำให้พลังนั้นกลายเป็นสิ่งที่ทำลายทุกสิ่งได้เช่นกัน"
การฝึกฝนของเดฟเริ่มต้นขึ้นในทันที เขาต้องเรียนรู้ที่จะใช้สมาธิเพื่อควบคุมพลังแห่งจินตนาการ อาริสและคาลาดอนช่วยแนะนำเขาเกี่ยวกับวิธีการที่ถูกต้อง
ในวันแรกของการฝึกฝน เดฟรู้สึกถึงพลังที่ไหลเวียนในตัวเขาเหมือนคลื่นน้ำที่ไม่สิ้นสุด เขานั่งสมาธิภายใต้สัญลักษณ์เวทมนตร์ที่ส่องแสงบนผนัง และเริ่มสร้างภาพในจินตนาการ เขามองเห็นตัวเองอยู่ท่ามกลางสนามรบและใช้พลังเพื่อสร้างกำแพงป้องกันทุกคนรอบข้าง แต่ทุกครั้งที่เขาพยายามควบคุม พลังนั้นกลับไม่เชื่อฟัง
"ใจของเจ้ายังไม่นิ่งพอ" คาลาดอนกล่าว "ความกลัวและความไม่มั่นใจยังคงกักขังเจ้าอยู่ หากเจ้าต้องการใช้พลังนี้ เจ้าต้องสลัดสิ่งเหล่านั้นออกไป"
เดฟหายใจเข้าลึกและพยายามที่จะนิ่งขึ้น แต่ความทรงจำที่ผ่านมาของเขา ความสูญเสีย การต่อสู้ และความกลัวว่าจะล้มเหลวกลับทำให้จิตใจของเขาสั่นคลอน
คืนหนึ่งในระหว่างการฝึก เดฟฝันถึงบ้าน โลกที่เขาเคยอยู่และครอบครัวที่เขาคิดถึง เขามองเห็นตัวเองในความมืด ท่ามกลางความโดดเดี่ยวที่ไม่รู้จบ ภาพในฝันค่อยๆ เปลี่ยนไปเป็นใบหน้าของครอเนียส ผู้ที่เฝ้ามองเขาด้วยสายตาเย้ยหยัน
"เจ้าอ่อนแอเกินไปที่จะใช้พลังนั้น" เสียงของครอเนียสดังขึ้นในความมืด "ข้าจะเป็นคนที่ควบคุมพลังนั้นเอง และเมื่อถึงตอนนั้น เจ้าจะต้องเสียใจที่ข้ามพ้นเจ้ามา"
เดฟสะดุ้งตื่นขึ้นจากฝันร้าย ร่างกายเต็มไปด้วยเหงื่อ ความกลัวและความไม่มั่นใจยังคงหลอกหลอนเขา แต่เขารู้ว่าเขาไม่สามารถปล่อยให้มันควบคุมเขาได้อีกต่อไป
"ฉันจะไม่ยอมให้ความกลัวนี้ทำลายฉัน" เดฟพูดกับตัวเอง เขาตัดสินใจที่จะเผชิญหน้ากับทุกอย่างและสู้เพื่อความฝันและสิ่งที่เขาต้องการจะปกป้อง
การฝึกฝนของเดฟดำเนินต่อไปหลายวัน ในที่สุดเดฟก็เริ่มเข้าใจวิธีควบคุมพลังภายในของเขา เขาเริ่มเชื่อมโยงกับพลังแห่งจินตนาการมากขึ้น สามารถสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ได้ตามที่เขาคิด แม้จะเป็นเพียงขั้นต้น แต่ความก้าวหน้าในฝึกฝนนี้ทำให้เขามีความมั่นใจมากขึ้น
ในวันสุดท้ายของการฝึก คาลาดอนบอกกับเดฟว่า “การต่อสู้ที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่การควบคุมพลังเท่านั้น แต่เป็นการควบคุมจิตใจของเจ้าเอง หากเจ้าสามารถเข้าใจจิตใจของเจ้าอย่างแท้จริง เจ้าก็จะสามารถใช้พลังนั้นเพื่อเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งได้”
ขณะที่เดฟกำลังจะออกจากหอเวทมนตร์เพื่อเผชิญหน้ากับครอเนียสอีกครั้ง คาลาดอนก็มอบบางอย่างให้เขา เป็นคริสตัลสีฟ้าสว่างซึ่งส่องประกายเรืองรองในมือของเดฟ
“นี่คือคริสตัลแห่งจินตนาการ มันจะช่วยเสริมพลังของเจ้าและปกป้องเจ้าจากเวทมนตร์ของศัตรู แต่เจ้าต้องใช้มันอย่างระมัดระวัง” คาลาดอนกล่าว
เดฟรับคริสตัลนั้นมาด้วยความขอบคุณ “ขอบคุณครับท่านคาลาดอน ฉันจะใช้มันเพื่อปกป้องโลกนี้และทุกคนที่ฉันรัก”
เดฟพร้อมแล้วสำหรับการเผชิญหน้ากับศัตรูที่แท้จริง ครอเนียส ซึ่งรอเขาอยู่เบื้องหลังด้วยแผนการลึกลับและอันตรายที่มากกว่าที่เขาคาดคิด